พลตำรวจตรี สง่า กิตติขจร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ และเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ 1 สมัย
พล.ต.ต. สง่า กิตติขจร เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2462 เป็นบุตรของขุนโสภิตบรรณารักษ์ (อำพัน กิตติขจร) กับนางโสภิตบรรณารักษ์ (ลิ้นจี่) มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 7 คน หนึ่งในนั้นคือ จอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของประเทศไทย ซึ่งเป็นพี่ชาย
พล.ต.ต. สง่า เคยได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516 และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ (ส.ส.เชียงใหม่) สังกัดพรรครวมไทย ในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2522 และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2513 แทนนายจิตติ สุจริตกุล ที่ถึงแก่อนิจกรรม
ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
แม้จะเป็นน้องชายของจอมพลถนอม กิตตขจร แต่พล.ต.ต.สง่า กลับมีจุดยืนทางการเมืองตรงกันข้ามกับพี่ชายตนเอง โดยหลังการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2512 ที่ทางพรรคสหประชาไทยของจอมพลถนอมได้รับเสียงข้างมาก และได้รับการจัดตั้งรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ซึ่งในขณะนั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกจากจังหวัดตรัง (ส.ส.ตรัง) ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นฝ่ายค้าน ได้ทำการอภิปรายรัฐบาลอย่างโดดเด่น แม้จะมีเนื้อหาที่เชือดเฉือนการทำงานของรัฐบาล แต่ พล.ต.ต.สง่า กลับเอ่ยชมว่า "เป็นความหวังของสภาฯ และเป็นบุคคลที่พรรคสหประชาไทยต้องการตัว"
อีกทั้งก่อนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ไม่นาน พล.ต.ต.สง่าได้แสดงความเห็น ขณะที่อยู่ที่บ้านพักในจังหวัดลำปางว่า รัฐบาลควรจะฟังเสียงของประชาชนและควรจะให้มีรัฐธรรมนูญตามที่ประชาชนเรียกร้อง อีกทั้งยังได้เป็นผู้ร่วมลงชื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่มีจำนวน 100 คนอีกด้วย และยังกล่าวชม นายธีรยุทธ บุญมี ซึ่งเป็นนักศึกษาคนหนึ่งที่เป็นแกนนำในการเรียกร้องว่า เป็นเด็กเก่ง สามารถสอบเป็นที่หนึ่งของประเทศได้ ทั้ง ๆ ที่พ่อเป็นเพียงนายตำรวจชั้นประทวน